0

(0)

หน้าติดสเตียรอยด์ สิวเห่อหนักมาก จัดการยังไงให้หายเกลี้ยง

2021-08-21 14:16:40

#เซรั่มบำรุงผิว
#วิธีดูแลผิวหน้า

เคยสงสัยกันไหมคะว่า ทำไมเมื่อใช้ครีมบางตัวแล้วสิวหายไวมาก หน้าขาวใสปิ้ง

แต่เมื่อใช้ไปเป็นระยะเวลานานเข้า สิวกลับเห่อ หน้าแดง หมองคล้ำ ใช้อะไรก็แพ้ แม้แต่ใช้ครีมบำรุงผิวที่เขาว่าดีมาก ผิวขาวใส ลดสิวเหมาะกับผิวแพ้ง่ายสุดๆ 

นั่นก็เป็นเพราะผิวของเรา ติดสารสเตียรอยด์เข้าให้แล้วค่ะ ซึ่งสารสเตียรอยด์ในครีมบำรุงผิวเมื่อใช้ไปนานๆ เข้าถึงแม้ผิวจะดูสิวหาย กระจ่างใสก็จริงแต่ผิวของเราจะบอบบางและอ่อนแอลงมากๆ และทำให้เกิดผลข้างเคียงที่หลายคนไม่ชอบสักเท่าไหร่อย่าง สิวสเตียรอยด์ ตามมา 

ดังนั้นในวันนี้พี่อมินตาจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ สิวสเตียรอยด์กันค่ะว่ามีอาการอะไรบ้าง? สิวสเตียรอยด์ รักษานานไหม, รักษายังไง รวมถึงข้อมูลต่างๆ แบบจัดเต็มที่บอกได้คำเดียวเลยค่ะว่าห้ามพลาด

 


สิวสเตียรอยด์ คืออะไร?


สิวสเตียรอยด์ เป็นหนึ่งในผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้สเตียรอยด์ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานเกินไป ซึ่งระยะเวลาในการเกิด สิวสเตียรอยด์จะขึ้นอยู่กับคนโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 3-6 เดือน ซึ่งการต่อมไขมันบนผิวหนังหลั่งน้ำมันมากขึ้นเนื่องจากระดับแอนโดรเจนในร่างกายเพิ่มขึ้นจากสเตียรอยด์ นอกจากนี้ยังทำให้ผิวหนังของเราบอบบางลงอีกด้วยสิวของผู้ใช้สเตียรอยด์มักพบที่หลัง ไหล่ และใบหน้าของเรานั่นเองค่ะ

สิวสเตียรอยด์ มีกี่ประเภท?


สิวสเตียรอยด์ สามารถเกิดขึ้นได้กับคนที่ใช้สเตียรอยด์โดยไม่คำนึงถึงอายุ ซี่งพบบ่อยในวัยรุ่นและผู้ใหญ่ มักขึ้นตามใบหน้า หน้าอก หรือบริเวณตามร่างกายอย่างหลัง โดยปกติแล้ว สิวสเตียรอยด์ จะแบ่งเป็นสองประเภทคือสิวผด และสิวเชื้อรา ซึ่งเราจะพาไปดูกันว่าสิวทั้งสองประเภทนี้ มีลักษณะอย่างไร และมีลักษณะต่างกันอย่างไรบ้าง


1. สิวผด

สิวผดเป็นสิวประเภทหลักและมักเกิดขึ้นกับการรักษาด้วย prednisone หรือยาสเตียรอยด์ที่มีส่วนในการต้านภูมิแพ้ในร่างกาย ซึ่งหากใช้ในขนาดที่มากเกินไปเป็นระยะเวลานานก็จะทำให้เกิดผลข้างเคียงตามมาอย่าง สิวผดหรือผื่นบนใบหน้าได้ นอกจากนี้ยังทำให้ใช้อะไรก็แพ้ง่ายมากๆ เนื่องจากสารสเตียรอยด์จะทำหน้าที่กดภูมิคุ้มกันในร่างกายทั้งหมดไว้ด้วยนั่นเอง 

2. สิวเชื้อรา หรือสิวยีสต์ 

สิวสเตียรอยด์ อีกรูปแบบที่พบบ่อยก็คือสิวยีสต์หรือสิวเชื้อรา ซึ่งเป็นสิวที่เกิดจากเชื้อราบริเวณรูขุมขน สิวเตียรอยด์ โดยส่วนใหญ่แล้ว สิวสเตียรอยด์ จะเริ่มลดลงเมื่อเลิกใช้ยาหรือครีมที่มีส่วนผสมของ สเตียรอยด์ หรือค่อยๆ ปรับลดการใช้เพื่อให้ผิวหน้าค่อยๆ ปรับสภาพก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่นิยมใช้ไม่แพ้กันค่ะ


สาเหตุของ สิวสเตียรอยด์

อย่างที่เกริ่นไปในข้างต้นแล้วว่า สิวสเตียรอยด์ เกิดจากการรักษาด้วยสเตียรอยด์เป็นเวลานานต่อเนื่องกันหลายสัปดาห์ ซึ่งมีแนวโน้มมากขึ้นในผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี นอกจากนี้ยังพบได้บ่อยในผู้ที่มีผิวขาว โดยความรุนแรงขึ้นอยู่กับขนาดของยาสเตียรอยด์ ความยาวของการรักษา และความไวต่อการเกิดสิวของแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป 

สำหรับสาเหตุการเกิด สิวสเตียรอยด์ผู้ที่ใช้สเตียรอยด์เป็นเวลานาน ต่อมน้ำมันได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมนแอนโดรเจน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชายที่โดดเด่น แต่ก็มีการหลั่งในผู้หญิงได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งหากมีฮอร์โมนแอนโดรเจนที่มากเกินไปจะเปลี่ยนโครงสร้างเซลล์ผิวรอบ ๆ รูขุมขน เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดสิว แน่นอนว่า สเตียรอยด์ เป็นอีกหนึ่งตัวกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจนมากขึ้น ทำให้วงจรการผลิตน้ำมันทั้งหมดและการก่อตัวของสิวตามมา 

นอกจากนี้การใช้ สเตียรอยด์ ยังมีมีส่วนช่วยในการผลิตตัวรับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่เรียกว่า TLR2 ร่วมกับการปรากฏตัวของแบคทีเรีย Propionibacterium Acnes และ TLR2 ที่ทำให้เกิดสิวบนใบหน้า และยังมีส่วนช่วยในการลดการอักเสบแต่ในขณะเดียวกันก็ยับยั้งภูมิต้านทานทั้งหมดในร่างกาย จึงทำให้ผิวบอบบางและแพ้ง่ายมากขึ้นนั่นเองค่ะ


สิวสเตียรอยด์ รักษายังไง


1. ล้างหน้าให้สะอาด ด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน

อันดับแรกในการรักษา สิวสเตียรอยด์ที่สำคัญมากๆ เลยก็คือ การล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าที่อ่อนโยนกับผิวหน้าและทำความสะอาดได้อย่างหมดจดวันละ 1-2 ครั้ง เนื่องจากสเตียรอยด์สามารถเพิ่มการผลิตน้ำมันในต่อมน้ำมันได้ ซึ่งการล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง จะช่วยขจัดน้ำมันบนผิวก่อนที่มันจะอุดตันรูขุมขนของเราได้ดีขึ้น 


2. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่อ่อนโยน และไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน

น้ำมัน กับสิว ถือเป็นของต้องห้ามเลยค่ะ โดยเฉพาะสำหรับคนที่เป็น สิวสเตียรอยด์ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำมันอยู่จะทำให้สิวยิ่งแย่ลงไปอีก ดังนั้นจึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางที่ไม่มีน้ำมัน และช่วยควบคุมความมันบนใบหน้าแต่ในขณะเดียวกันก่อต้องให้ความชุ่มชื้นและไม่มีส่วนผสมของสารที่ก่อให้เกิดการอุดตันบนผิวหนัง หรือสูตรที่ช่วยลดสิวโดยเฉพาะไปเลยก็จะตอบโจทย์กับผิวเป็นอย่างมากเลยค่ะ


3. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป

หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป รวมถึงของมันและของเพื่อลดการเกิดสิวและทำให้ผิวเกิดการอักเสบและระคายเคือง ในขณะเดียวกันก็ควรเลือกกินอาหารที่มีวิตามินเอและสังกะสี เนื่องจากวิตามินทั้งสองตัวนี้มีส่วนช่วยในการรักษาสิวและลดการอักเสบได้เป็นอย่างดี ซึ่งอาหารที่มีวิตามินเอและสังกะสีสูงก็ได้แก่ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน, ปลา, ไข่ ผักสีแดงส้มอย่าง แครอท, บีทรูท, มันเทศ และแร่ธาตุสังกะสีมีอยู่ตามธรรมชาติอย่าง ข้าวสาลีและถั่วต่างๆ ก็จะช่วยให้สิวของเราดีขึ้นได้เช่นกัน


4. นวดหน้าเพื่อผ่อนคลาย

นวดหน้าเพื่อผ่อนคลายผิวหนัง วันละสองครั้งสามารถกระตุ้นผิวและช่วยฟื้นฟูความยืดหยุ่นให้กับผิวหน้าของเราได้เป็นอย่างดี  อีกทั้งยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังผิว แต่ต้องจำไว้เลยนะคะว่า การนวดหน้าต้องล้างมือให้สะอาดและนวดอย่างอ่อนโยนด้วยปลายนิ้วไล่จากบริเวณคางขึ้นไปยังส่วนบนของผิว ซึ่งในส่วนนี้พี่อมินตาก็แนะนำให้นวดระหว่างการใช้เซรั่มบำรุงผิวก็จะช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นได้ดีทีเดียวค่ะ


5. ไม่กด แคะ แกะ หรือเกาสิวด้วยตัวเอง

สำหรับใครที่สงสัยว่า สิวสเตียรอยด์ กดได้ไหมพี่อมินตาก็ขอบอกเลยว่า ห้ามกดสิวด้วยตัวเองเด็ดขาดเลยค่ะ เนื่องจากการกด แคะ แกะ หรือเกาสิวนั้นจะทำให้หน้าของเราเห่อขึ้นมากกว่าเดิมโดยเฉพาะบริเวณใบหน้าที่มีการแพ้หรือสิวผด นอกจากนี้ยังทิ้งรอยไว้บนผิวหน้าของเราอีกด้วยค่ะ


สำหรับใครที่มีข้อสงสัยว่า สิวสเตียรอยด์ รักษานานไหม? 

ก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิว และการดูแลรักษาของเราค่ะ โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้เวลาการรักษาอยู่ที่ประมาณ 3-6 เดือน ซึ่งเราก็สามารถใช้ยารักษาสิวเฉพาะจุด เพื่อรักษาสิวร่วมด้วยได้ แต่แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ และแนะนำให้เลือกใช้เซรั่ม และโฟมล้างหน้าที่อ่อนโยน มีสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น สารสกัดจากดอกดาวเรือง ดองราชพฤกษ์และดอกขี้เหล็ก และว่านหางจระเข้ ที่ช่วยปลอบประโลมผิวอย่างโยน ช่วยลดสิว และช่วยปรับสภาพผิวให้แข็งแรงขึ้น 

นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวผลิตไฮยารูโรนิก หรือสารเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ เนื่องจากผิวของเรามีส่วนผสมของน้ำอยู่มากถึง 80% ทำให้ผิวได้รับการกระตุ้นให้ผลัดเซลล์ผิวได้เองตามธรรมชาติ ลดเลือนรอยสิว การอักเสบ แต่สำหรับใครที่หน้าแพ้มากๆ 

พี่อมินตาก็ขอแนะนำให้เริ่มใช้เซรั่มทีละน้อย เพื่อให้ผิวปรับสภาพตัวเองโดยเริ่มจากส่วนที่ติดสเตียรอยด์น้อยที่สุดก่อนแล้วค่อยๆ ไล่ระดับมาทาให้ทั่วหน้า ก็ช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้ค่ะ

อ้างอิงข้อมูลจาก

Corticosteroids (Prednisone) and How They Cause Acne (verywellhealth.com)

Steroid Acne: Causes and Treatment (healthline.com)

Symptoms Of Steroid Acne: Causes And Home Remedies To Reduce It (tandurust.com)

How to Clear Up Acne From Steroids (247sports.com)

How to Heal Skin Damage from Steroid Creams (mysensitiveskincare.com)

How to Clear Up Acne From Steroids (healthfully.com)








CONTACT US / ติดต่อเรา

บริษัท อมินตา คอสโม จำกัด
ที่อยู่ : 5 อาคารเอ็มโก้ ซ.รามคำแหง 3 ถ.รามคำแหง แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กทม. 10250
 

02-719-9872-4  


096-924-9366 


088-941-6544


amintacosmo@gmail.com 


@aminta      < คลิกเพิ่มเพื่อน > 


amintaofficial 



Copyright ® 2019 domain-name.com 

เราใช้ cookies เพื่อเพิ่มประสบการณ์การซื้อสินค้าของคุณ กด ยอมรับ เพื่อเลือกซื้อสินค้าต่อ หรือตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับนโยบาย cookies ของเราได้ ที่นี่